Backlink SEO

ทำ Backlink แบบไหน ให้ติด SEO อัปเดตใหม่ปี 2023

ในปัจจุบัน การทำ Backlink ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มอันดับเว็บไซต์ในผลการค้นหาของ Google แต่การสร้าง Backlink ที่ดีนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย จำเป็นต้องทำอย่างมีคุณภาพและเหมาะสมกับเว็บไซต์ของเรา เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและไม่เป็นอันตรายต่อเว็บไซต์ของเรา

ในบทความนี้ เราจะมาพูดถึงวิธีการสร้าง Backlink แบบฟรีและแบบเสียเงิน รวมถึงแนวทางในการเลือกโปรแกรมเช็ก Backlink เพื่อช่วยให้เว็บไซต์ของเราติด SEO ในปี 2023 จะมีเทคนิคอะไรที่น่าสนใจบ้าง มาดูไปพร้อมกันเลย!

  • วิธีสร้าง Backlink
  • Backlink ที่ดีเป็นยังไง

Backlink คืออะไร?

Backlink คือ ลิงก์จากเว็บไซต์อื่นที่ลิงก์กลับมาที่เว็บไซต์ของคุณ เปรียบเสมือนคะแนนโหวตจากเว็บไซต์อื่นส่งมาให้ Google ว่าเว็บไซต์ของคุณมีคุณภาพดีและควรได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในอันดับต้น ๆ ของผลการค้นหา (Google SERP) นั่นจึงเป็นคำตอบว่า Backlink มีความสำคัญต่อการทำ SEO อย่างไร

Link Building คืออะไร?

การทำ Link Building คือ การสร้างลิงก์จากเว็บไซต์อื่น ๆ ไปยังเว็บไซต์ของคุณ ในขณะที่ Backlink คือ ลิงก์จากเว็บไซต์อื่น ๆ ที่ลิงก์กลับมายังเว็บไซต์ของคุณ

ดังนั้น การทำ Link Building ก็หมายถึงกระบวนการในการสร้าง Backlink นั่นเอง อย่างไรก็ตาม การทำ Link Building ที่มีประสิทธิภาพนั้น ควรเน้นไปที่การสร้าง Backlink ที่ดี ซึ่ง Backlink ที่ดีนั้นควรเป็น Dofollow Backlink จากเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาที่มีคุณภาพและเกี่ยวข้องกับคอนเทนต์ในเว็บไซต์ของคุณด้วย

ประเภทของ Backlink มีอะไรบ้าง?

Backlink สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่

  • Dofollow Backlink คือ Backlink ที่ Google ให้ความสำคัญมากที่สุด เนื่องจากเป็น Backlink ที่มีผลต่อคะแนนของ SEO ที่ส่งไปให้เว็บไซต์ต้นทาง
  • Nofollow Backlink คือ Backlink ที่ Google ไม่ให้ความสำคัญและไม่ได้มีผลต่อการจัดอันดับของเว็บไซต์ในผลการค้นหา แต่ยังสามารถช่วยเพิ่มการมองเห็นของเว็บไซต์ของคุณได้ เนื่องจากลิงก์เหล่านี้จะช่วยให้ผู้คนสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ของคุณได้มากขึ้น

นอกจากนี้ Backlink ยังสามารถแบ่งออกเป็นประเภทย่อย ๆ ได้อีกดังนี้

  • Internal Backlink คือ Backlink ที่มาจากหน้าในเว็บไซต์ของคุณเอง
  • External Backlink คือ Backlink ที่มาจากเว็บไซต์อื่น ๆ
  • Anchor Text Backlink คือ Backlink ที่มีข้อความที่เชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์ของคุณ
  • Image Backlink คือ Backlink ที่มีรูปภาพที่มีลิงก์ไปยังเว็บไซต์ของคุณ

ลักษณะของ Backlink ที่ดี

ลักษณะของ Backlink ที่ดีนั้น ควรมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้

  • เป็น Dofollow Backlink: เนื่องจาก Dofollow Backlink เป็น Backlink ที่ Google ให้ความสำคัญมากที่สุด
  • มาจากเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาที่มีคุณภาพ: เนื่องจากเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาที่มีคุณภาพย่อมได้รับการยอมรับจาก Google มากขึ้น
  • เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของคุณ: เนื่องจาก Backlink ที่มาจากเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับเนื้อหาของคุณ จะช่วยให้ Google เข้าใจว่าเว็บไซต์ของคุณมีความเกี่ยวข้องกัน
  • มาจากเว็บไซต์ที่มีชื่อเสียง: เนื่องจากเว็บไซต์ที่มีชื่อเสียงย่อมได้รับการยอมรับจาก Google เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จะยิ่งช่วยส่งเสริมเว็บไซต์ของคุณตามไปด้วย
  • มาจากเว็บไซต์ที่มี Traffic สูง: เนื่องจากเว็บไซต์ที่มีทราฟฟิกสูงย่อมมีโอกาสที่ผู้คนจะเห็น Backlink ของคุณมากขึ้น
  • Backlink ที่อยู่ด้านบน: ปัจจุบันผู้ใช้งานต่างต้องการข้อมูลข่าวสารที่สะดวกรวดเร็วทันใจ ดังนั้นยิ่งมี Backlink อยู่ด้านบนเว็บไซต์นั้น ๆ ก็ยิ่งทำให้กดเข้าไปดูได้ง่ายมากขึ้น

ตัวอย่างของ Backlink ที่ดี ได้แก่

  • เว็บไซต์ข่าวที่อ้างอิงเนื้อหาจากเว็บไซต์ของคุณ
  • เว็บไซต์ชุมชนออนไลน์ที่เชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์ของคุณ
  • เว็บไซต์ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมของคุณที่เชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์ของคุณ

ตัวอย่างของ Backlink ที่ไม่ดี ได้แก่

  • เว็บไซต์ที่มีเนื้อหาที่มีคุณภาพต่ำหรือไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของคุณ
  • เว็บไซต์ที่ขาย Backlink
  • เว็บไซต์ที่มีลิงก์จากเว็บไซต์อื่น ๆ จำนวนมาก

Backlink เยอะ ช่วยดันอันดับ SEO ได้จริงหรือไม่??

เชื่อว่าหลายคนคงสงสัยว่า ทางลัดในการดันอันดับ SEO เราสามารถใช้ Backlink ช่วยได้หรือไม่?

และหลายคนคงสงสัยว่า ต้องใช้ Backlink มากแค่ไหนถึงจะดันอันดับบน SEOได้ ??

หากคุณเคยสงสัยเรื่องนี้จะบอกว่าเป็นเรื่องธรรมดาเพราะเป็นเรื่องที่ใครหลายคนคงเคยได้ยินมาว่าถ้าจะดันอันดับ SEO ต้องใช้ Backlink เยอะๆ แต่!!

นั่นคืออดีต 

คุณรู้ไหมว่าปัจจุบันระบบอัลกอริทึมของ Google พัฒนาไปไกลมาก และฉลาดมากจนสามารถที่จะนำเว็บไซต์คุณภาพมาให้แก่ผู้ค้นหา ดังนั้นเป็นเรื่องที่ยากมากถ้าคุณจะไปสู้เว็บไซต์คุณภาพด้วยแค่ Backlink เพราะปัจจัยการขึ้นอันดับ 1 มีมากกว่านั้น

หลักการทำ Backlink ให้ติด SEO

การทำ Backlink คุณภาพสูงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับ SEO เนื่องจากช่วยให้ Google เข้าใจว่าเว็บไซต์ของเราเป็นเว็บไซต์ที่มีคุณภาพและมีความเกี่ยวข้องกับเนื้อหาของเว็บไซต์ต้นทาง ส่งผลให้เว็บไซต์ของเราได้รับการจัดอันดับที่ดีขึ้นในผลการค้นหา

ในการสร้าง Backlink ที่มีคุณภาพสูง เราต้องยึดถือปัจจัยต่าง ๆ ดังต่อไปนี้

  • ความเกี่ยวข้อง (Relevance)

Backlink ที่ดีควรมาจากเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ของเรา ตัวอย่างเช่น หากคุณมีเว็บไซต์ขายรองเท้า คุณไม่ควรสร้าง Backlink จากเว็บไซต์ข่าวที่ไม่ใช่ข่าวเกี่ยวกับรองเท้า

  • คุณภาพ (Quality)

Backlink ที่ดีควรมาจากเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ เช่น เว็บไซต์ที่มีเนื้อหาที่มีคุณภาพ มีการอัปเดตเป็นประจำ และมีทราฟฟิกสูง

  • ความหลากหลาย (Diversity)

Backlink ควรมาจากเว็บไซต์ที่หลากหลาย หลีกเลี่ยงการสร้าง Backlink จากเว็บไซต์เดียวกันมากเกินไป

  • ความสม่ำเสมอ (Consistency)

ควรสร้าง Backlink อย่างต่อเนื่อง หลีกเลี่ยงการสร้าง Backlink จำนวนมากในช่วงเวลาสั้น ๆ เพราะอาจถูก Google มองว่าเป็นสแปมได้

  • ความปลอดภัย (Security)

Backlink ควรมาจากเว็บไซต์ที่ปลอดภัย หลีกเลี่ยงการสร้าง Backlink จากเว็บไซต์ที่มีความเสี่ยงด้านความปลอดภัย

  • ความเป็นประโยชน์ (Usefulness)

Backlink ควรเป็นประโยชน์ต่อ User หลีกเลี่ยงการสร้าง Backlink ที่อาจทำให้ผู้ชมเสียเวลาหรือได้รับข้อมูลที่ผิดพลาด

วิธีทำ Backlink ฟรี อัปเดตปี 2023 

สร้างคอนเทนต์ที่มีคุณภาพและมีประโยชน์

คอนเทนต์ที่ดีและมีประโยชน์จะเป็นที่สนใจของผู้คนและเว็บไซต์อื่น ๆ ที่จะนำไปอ้างอิงหรือแชร์ต่อ ซึ่งจะนำไปสู่การสร้าง Backlink ฟรี ให้กับเว็บไซต์ของเราได้

How-to:

  • เลือกหัวข้อที่ตรงกับความสนใจของผู้คนและเว็บไซต์อื่น ๆ
  • เขียนคอนเทนต์ที่เนื้อหาครอบคลุมและเข้าใจง่าย
  • ใส่ข้อมูลอ้างอิงหรือลิงก์ที่เกี่ยวข้อง
  • โปรโมตคอนเทนต์ให้เป็นที่รู้จัก

เข้าร่วมกิจกรรมและชุมชนออนไลน์

การเข้าร่วมกิจกรรมและชุมชนออนไลน์เป็นโอกาสที่ดีในการพบปะผู้คนและเว็บไซต์อื่น ๆ ที่มีความสนใจในหัวข้อเดียวกัน ซึ่งอาจนำไปสู่การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นหรือความร่วมมือในการสร้าง Backlink ได้

How-to:

  • ค้นหากิจกรรมหรือชุมชนออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อของเว็บไซต์เรา
  • เข้าร่วมกิจกรรมและมีส่วนร่วมในชุมชน
  • เสนอตัวช่วยหรือสร้างคอนเทนต์ให้กับกิจกรรมหรือชุมชน

เขียน Guest Post

การเขียน Guest Post คือ การเขียนคอนเทนต์ลงในเว็บไซต์อื่น เป็นการโปรโมตเว็บไซต์ของเราในวงกว้างและมีโอกาสที่จะสร้าง Backlink กลับมาได้

How-to:

  • ค้นหาเว็บไซต์ที่มีผู้ติดตามจำนวนมากและเกี่ยวข้องกับหัวข้อของเว็บไซต์เรา
  • ติดต่อเจ้าของเว็บไซต์เพื่อขอเขียน Guest Post
  • เขียนคอนเทนต์ที่มีคุณภาพและมีประโยชน์

มีส่วนร่วมใน Social Media

การมีส่วนร่วมใน Social Media เช่น การสร้างคอนเทนต์และแชร์คอนเทนต์ของผู้อื่น เป็นโอกาสที่จะพบปะผู้คนและเว็บไซต์อื่น ๆ ซึ่งอาจนำไปสู่การร่วมมือในการสร้าง Backlink ได้

How-to:

  • เลือก Social Media ที่ตรงกับเป้าหมายของเว็บไซต์เรา
  • สร้างคอนเทนต์ที่มีคุณภาพและน่าสนใจ
  • แชร์คอนเทนต์ของผู้อื่นที่เกี่ยวข้อง
  • มีส่วนร่วมในคอมเมนต์และตอบคำถาม

(ไม่อยากตกขบวน ต้องเข้าใจ Social Media ให้มากขึ้นนะ: 10 เครื่องมือใหม่สำหรับการทำธุรกิจบน Social Media)

ทำ infographic

Infographic คือ รูปภาพหรือกราฟิกที่มีข้อมูลสรุป เป็นสื่อที่ดึงดูดสายตาและเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับการแชร์บน Social Media ซึ่งอาจนำไปสู่การแชร์ต่อและการทำ Backlinkได้

How-to:

  • เลือกหัวข้อที่น่าสนใจและตรงกับเป้าหมายของเว็บไซต์เรา
  • รวบรวมข้อมูลและออกแบบ Infographic ที่สวยงามและเข้าใจง่าย
  • แชร์ Infographic บน Social Media

สร้าง VIDEO Content

วิดีโอเป็นสื่อที่ได้รับความนิยมสูง เหมาะสำหรับการแชร์บน Social Media ซึ่งอาจนำไปสู่การแชร์ต่อและสร้าง Backlink ได้

How-to:

  • เลือกหัวข้อที่น่าสนใจและตรงกับเป้าหมายของเว็บไซต์เรา
  • ถ่ายทำและตัดต่อวิดีโอที่น่าสนใจและเข้าใจง่าย
  • แชร์วิดีโอบน Social Media

ทำรีวิวสินค้าหรือบริการ

การรีวิวสินค้าหรือบริการเป็นโอกาสที่ดีในการโปรโมตเว็บไซต์ของเราและสร้าง Backlink ได้

How-to:

  • เลือกสินค้าหรือบริการที่น่าสนใจและตรงกับเป้าหมายของเว็บไซต์เรา
  • เขียนรีวิวที่มีคุณภาพและเป็นประโยชน์
  • แชร์รีวิวบน Social Media

ทำ podcast

Podcast เป็นสื่อเสียงที่ได้รับความนิยมสูง เหมาะสำหรับการแชร์บน Social Media ซึ่งอาจนำไปสู่การแชร์ต่อและสร้าง Backlink ได้

How-to:

  • เลือกหัวข้อที่น่าสนใจและตรงกับเป้าหมายของเว็บไซต์เรา
  • อัดเสียงและตัดต่อ Podcast ที่น่าสนใจและเข้าใจง่าย
  • แชร์ Podcast บน Social Media

วิธีสร้าง Backlink แบบเสียเงิน

ซื้อ Backlink

การซื้อ Backlink เป็นการจ่ายเงินให้กับเว็บไซต์รับทำ Backlinkอื่นเพื่อให้สร้าง Backlink กลับมาที่เว็บไซต์ของเรา สามารถทำได้หลายวิธี เช่น การซื้อ guest post, การซื้อลิงก์ในเว็บไซต์ไดเรกทอรี, การซื้อลิงก์ในโปรแกรมสร้าง Backlink เป็นต้น

ข้อดีของการซื้อ-ขาย Backlink คือ สามารถทำได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ แต่ข้อเสีย คือ อาจมีความเสี่ยงที่ Google จะมองว่าเป็น Backlink ที่ไม่เป็นธรรมชาติและส่งผลเสียต่อ SEO ได้

สร้างเว็บไซต์เครือข่ายส่วนตัว (PBN)

การสร้างเว็บไซต์เครือข่ายส่วนตัว (PBN) เป็นการเป็นเจ้าของเว็บไซต์หลายเว็บไซต์และสร้าง Backlink ให้กับเว็บไซต์เหล่านั้น จากนั้นจึงสร้าง Backlink ไปยังเว็บไซต์หลักของเรา

ข้อดีของการสร้าง PBN คือ สามารถควบคุมคุณภาพของ Backlink ได้ แต่ข้อเสียคือ ต้องมีค่าใช้จ่ายสูงและอาจถูก Google มองว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่เป็นธรรมชาติ

การสร้าง Backlink แบบเสียเงิน มีข้อดีคือ สามารถทำได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ แต่มีข้อเสียคือ อาจมีความเสี่ยงที่ Google จะมองว่าเป็น Backlink ที่ไม่เป็นธรรมชาติและส่งผลเสียต่อ SEO ได้

(มารู้จัก PBN ให้มากขึ้นกัน: PBN ช่วยเพิ่มคะแนนให้ SEO ได้จริงหรือหลอก?)

โปรแกรมเช็ก Backlink

Backlink Checker คือ เครื่องมือที่ช่วยให้เราตรวจสอบ Backlink ของเว็บไซต์ของเราได้ โปรแกรมเหล่านี้สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับจำนวน Backlink คุณภาพของ Backlink เว็บไซต์ที่ส่ง Backlink กลับมาให้ และข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

โปรแกรมเช็ก Backlink ที่นิยมใช้กันมีดังนี้

  • Ahrefs เป็นโปรแกรมเช็ก Backlink ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด มีคุณสมบัติครบถ้วนและใช้งานง่าย
  • SEMrush เป็นโปรแกรมเช็ก Backlink ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนและใช้งานง่ายเช่นกัน
  • Majestic เป็นโปรแกรมเช็ก Backlink ที่เน้นข้อมูลเกี่ยวกับคุณภาพของ Backlink
  • Moz เป็นโปรแกรมเช็ก Backlink ที่เน้นข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพของ Backlink
  • Google Search Console เป็นเครื่องมือของ Google ที่ช่วยให้เราสามารถตรวจสอบ Backlink ของเว็บไซต์ของเราได้ฟรี

วิธีเอา Backlink เสียออกจากเว็บ

1. ติดต่อเจ้าของเว็บไซต์ต้นทาง

วิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการขอลบ Backlink เสียออกจากเว็บ คุณสามารถติดต่อเจ้าของเว็บไซต์ต้นทางได้โดยตรงเพื่อขอความร่วมมือในการลบ Backlink เสียเหล่านั้น

2. ใช้เครื่องมือปฏิเสธ Backlink เสีย

หากเจ้าของเว็บไซต์ต้นทางไม่ต้องการลบ Backlink เสียเหล่านั้น คุณสามารถใช้เครื่องมือปฏิเสธลิงก์ เพื่อขอให้ Google ปฏิเสธลิงก์เหล่านั้น เช่น Google Search Console และ SEOmoz Disavow Tool

3. รอให้ Backlink เสียเหล่านั้นหายไปเอง

หาก Backlink เสียเหล่านั้นมาจากเว็บไซต์ที่ไม่มีคุณภาพหรือเว็บไซต์ที่ไม่ได้รับการดูแลอีกต่อไป เมื่อเวลาผ่านไป Backlink เหล่านั้นอาจหายไปเอง

ข้อควรระวังในการปฏิเสธลิงก์

  • ไม่ควรปฏิเสธลิงก์มากเกินไป เพราะอาจทำให้เว็บไซต์ของคุณถูก Google มองว่าเป็นเว็บไซต์ที่มีความเสี่ยง
  • ควรปฏิเสธลิงก์เฉพาะ Backlink เสียเท่านั้น ไม่ควรปฏิเสธ Backlink จากเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Backlink มีกี่ประเภท?

Backlink มี 2 ประเภทหลัก ๆ คือ Dofollow Backlink และ Nofollow Backlink 

เช็กคนกด Backlink ทำอย่างไร?

สามารถทำได้ 2 วิธี คือ ใช้ Google Analytics และใช้เครื่องมือตรวจสอบ Backlink 

DoFollow Link คืออะไร?

DoFollow Link เป็น Backlink ที่มักใช้เพื่อแสดงว่าเว็บไซต์ต้นทางนั้นสนับสนุนเนื้อหาของเว็บไซต์ปลายทาง 

NoFollow Link คืออะไร?

NoFollow Link เป็น Backlink ที่ไม่ได้ส่งผลต่อคะแนน SEO ของเว็บไซต์ โดยมักพบในลิงก์จากความคิดเห็นตาม Social Media ต่าง ๆ 

Similar Posts