7 ประโยชน์จากเว็บไซน์ทำอะไรได้บ้าง
อย่ามองข้ามเว็บไซน์ เสาหลักในการทำออนไลน์มาเก็ตติ้ง (7ประโยชน์จากเว็บไซน์ทำอะไรได้บ้าง)
ความเข้าใจของคนส่วนใหญ่เกี่ยวกับเว็บไซต์คือคิดว่าเป็นหน้าตาที่สวยงามให้กับองค์กร บริษัท หรือร้านค้าเท่านั้น วันนี้เราจะมาเปิดเผยประโยชน์ของเว็บไซต์ซึ่งเป็นกลยุทธ์หลักในการทำการตลาด เมื่ออ่านบทความนี้คุณจะสามารถตัดสินใจได้ว่าเราควรมีเว็บไวซ์เพื่อทำการตลาดได้อย่างไรบ้าง
1.หน้าต่างขายสินค้าที่บอกรายละเอียดครบถ้วย(Sale Page หรือ Landing Page)
การขายสินค้าหรือบริการที่ดีนั้น หน้าที่ของเว็บไซต์คือการดึงดูด สร้างความสนใจ ความน่าเชื่อถือ และให้ข้อมูลที่ครบถ้วนในหน้าเดียว เราสามารถเรียกหน้านี้ว่า Sale Page หรือ Landing Pageก็ได้ ปัจจัยการสร้าง Sale pageที่ดีมีวิธีการง่ายๆที่เรียกว่า Sale page 4 มิติ นั่นก็คือ
มิติที่ 1 ต้องมี 5 กำแพง
5 กำแพงที่ว่านี้คือ ซุปตาร์ยอมรับ , เวทียอมรับ(รางวัล), สังคมยอมรับ, ยอดขายยอมรับ สุดท้าย ชาติกำเนิดยอมรับ (เรื่องนี้ผมจะมาอธิบายรายละเอียดอีกทีในบทความถัดไปครับ)
มิติที่ 2 Combo ภาพต้องใช้
ลักษณะของ Combo ภาพ คือการนำภาพรีวิวหรือสินค้ามาจัดให้เป็นชุดเพื่อให้ดูอลังการยิ่งขึ้น การทำภาพลักษณะนี้จะมีประสิทธิภาพมากกว่าการแยกทีละรูปในส่วนของภาพลักษณ์
มิติที่ 3 วีดีโอต้องมี
วีดีโอคือสื่อที่จะช่วยให้ user อยู่ในเว็บไซน์ของเราได้นานขึ้น ทั้งยังเป็นสื่อที่ทำให้ลูกค้ารับสารได้ง่ายที่สุด รายละเอียดเนื้อหาที่ควรจะมีในวีดีโอ เช่น ทำไมต้องเรา? , ความประทับใจของลูกค้า, ดีกว่าแบรนด์อื่นอย่างไร, วิธีการใช้หรือรายละเอียดสินค้า เป็นต้น
มิติที่ 4 ข้อความสั้นกระชับ
การเน้นหัวข้อความที่สั้นกระชับ จะช่วยดึงดูดให้เกิดความสนใจได้อย่างมาก ทำให้ผู้รับสารสามารถรับรู้ข้อความที่เราต้องการจะสื่อได้อย่างชัดเจน
สุดท้าย Salepage ที่ดีนั้นจะต้องทำให้ผู้ที่เข้ามาได้ใช้เวลามากที่สุด ยิ่งอยู่นานยิ่งได้คุณภาพ ยิ่งทำให้ปิดการขายได้ง่ายขึ้น
2.ออกแบบเนื้อหาให้เราได้ตามเป้าหมายที่ต้อง
การจะให้สินค้าหรือบริการของเราสามารถขายได้ ต้องรู้จักการวางกลยุทธ์ให้กับสินค้าของเรา ยกตัวอย่าง 7-11 เวลาเราต้องการซื้อน้ำ จะเห็นว่าตู้น้ำจะอยู่ด้านในสุดเพื่อให้เราเดินผ่านสินค้าหลายๆชิ้นและมีโอกาสซื้อมากขึ้น ฝั่งตรงข้ามของตู้น้ำจะเป็นในส่วนขนม เพื่อที่เราจะเห็นขนมและตัดสินใจซื้อควบคู่กับน้ำ(บางครั้งก็จะมีโปรโมชั่นซื้อขนม+น้ำถูกลงไปอีก) สิ่งนี้เราเรียกว่ากลยุทธ์Road Map ออกแบบเพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อง่ายขึ้นหรือมากขึ้น
3.สร้างระบบทำเงินอัตโนมัติให้เรา
ถ้าพูดให้เห็นภาพที่สุดเราสามารถยกตัวอย่างจาก Lazada หรือ Shopee ได้ จะเห็นว่ากระบวนการทั้งซื้อและจ่ายจบในเว็บเดียวหรือแอพเดียว เราสามารถออกแบบการรับออเดอร์และยืนยันออเดอร์ผ่านเว็บไซต์โดยสร้างให้เป็นระบบอัตโนมัติ โดยหน้าที่ของเราคือการดูแลระบบ เช็คออเดอร์ที่ได้ และดูแลหลังการขายเป็นต้น ตัวอย่างจากเว็บไซต์ เซียนร่ม https://zeanrom.com/ จะเห็นว่าเราสามารถดูขั้นตอนการสั่ง เลือกแบบที่ต้องการ เมื่อโอนเงินให้แจ้งผ่านทางเว็บไซต์ กระบวนการทุกอย่างจบในเว็บไซต์ทำให้ง่ายต่อการบริหารจัดการได้มากยิ่งขึ้น
4.คัดกรองลูกค้าด้วยFunnel Marketing
Sale Funnel หรือกลยุทธกรองกลุ่มลูกค้านั้น เป็นสิ่งที่สำคัญต่อนักการตลาด โดยเราสามารถทำเว็บไซต์ของเราให้เก็บข้อมูลเพื่อคัดกรองลูกค้าได้ เช่น
ลูกค้าที่เห็นโฆษณาจากเพจ = Awarness
เมื่อลูกค้าเข้าเว็บไซต์เราไม่ว่าจากโฆษณาใด = Interest
เมื่อลูกค้าอ่านอยู่บนเว็บไซต์เกิน 1 นาที แปลว่าเขาเริ่มสนใจข้อมูล = Consideration
มีการกดพูดคุยผ่านไลน์กับแอดมิน (แปลว่าสนใจมากจึงต้องขอรายละเอียด) = intent
เริ่มเปรียบเทียบราคา หรือหาข้อมูลจากเจ้าอื่น = Evaluation
เมื่อกดสั่งซื้อและมีการยืนยันการสั่งซื้อ = Purchase
เราสามารถออกแบบเว็บไซน์ของเราให้เข้ากับสินค้าหรือบริการของเรา โดยข้อมูลที่กรองได้จาก Sale Funnel สามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้
5.เก็บข้อมูลเพื่อนำไปใช้ยิงโฆษณาต่อได้
เคล็ดลับของการใช้ Sale Funnel คือการนำข้อมูลมาใช้ในการวิเคราะห์ และยิงโฆษณาต่อได้ การใช้โฆษณาในสื่อออนไลน์หลักๆ2จ้าว นั่นคือ Google และ Facebook
วิธีการใช้อย่างเช่น
- เมื่อ user เข้ามาในเว็บไซต์ครั้งแรก แน่นอนว่าครั้งแรกอาจจะยังปิดการขายไม่ได้ เราสามารถยิงโฆษณาแบบหลอกหลอน ให้ user เห็นโฆษณาของเราต่อใน Google และ Facebookได้
- เราสามารถนำกลุ่มที่เรามุ่งหวังให้เป็นลูกค้ามายิงในเครื่องมือโฆษณาที่แพงๆได้ อย่างเช่นนำข้อมูลที่เป็น Evaluation มาใช้ในการยิงโฆณษาบบนเฟสบุ๊คแบบข้อความ(เป็นโฆษณาที่แพงที่สุด) ซึ่งจะช่วยให้เราได้ลูกค้าได้ดีกว่านำข้อมูลที่เป็น Awarness หรือ Interest มาใช้อย่างมาก
- เมื่อเราต้องการทำการขายซ้ำให้กับกลุ่มลูกค้าที่เคยซื้อ เราสามารถทำโปรโมชั่นสินค้าให้กับกลุ่ม Purchase ได้ ถือว่าเป็นส่วนลดพิเศษ เพื่อนำให้เขากลับมาซื้อของเราอีกรอบ
6.ได้เข้าถึงการค้นหาจาก Google
การเข้าถึงกลุ่มคีเวิร์ดของ Google เป็นมูลค่าที่มหาศาลมาก ยกตัวอย่างเช่น หากคุณอยู่ในโรงงานที่รับผลิตครีม สิ่งที่เราต้องการรู้คือมีความต้องการทางการค้นหาผ่าน Google มากแค่ไหน เราสามารถใช้โปรแกรมออนไลน์ฟรี neilpatel.com เพื่อเช็คจำนวนการค้นหา
จะเห็นการการค้นหาคำว่า”โรงงานผลิตครีม” มีจำนวนถึง 2,400 ครั้ง ต่อเดือน นั่นแปลว่าถ้าเราสามารถโรงงานของเราเข้าสู่โลกออนไลน์ ทำให้เราได้ยอดขายและการขยายตลาดที่รวดเร็วขึ้นอย่างมาก
7.ติดคีเวิร์ดอันดับแรกๆเมื่อไหร่ เตรียมเป็นเจ้าแห่งตลาดทันที
จากหัวข้อที่แล้วหาเรามาลองคิดเล่นๆว่า 2,400 คนเข้ามาดูบริษัทเรา และอีก 10 เปอร์เซ็นเป็นลูกค้าของเรา เราจะได้ลูกค้าทั้งหมด 240 คน ในเดือนนั้น นี่คือข้อดีของการทำการตลาดบนโลกออนไลน์อย่างมีเป้าหมาย แต่คงไม่ใช่เรื่องง่ายแน่ที่เราจะสามารถทำให้คนทั้งหมดสามารถเข้ามาดูเว็บไซน์ของเรา เมื่อมีการค้นหาจะเห็นว่ามีอีกหลายบริษัทและโฆษณาดักทางไว้อยู่
การที่เราจะได้จำนวนคนเข้าเว็บไซต์จากการค้นหาให้ได้มากที่สุดคือต้องสามารถติดอันดับ”คีเวิร์ด”ของคำๆนั้น เราเรียกหลักการนี้ว่าการทำ “SEO” ซึ่งเป็นหัวใจหลักที่นักทำเว็บไซต์ควรให้ความสำคัญเป็นอันดับ 1
การติดอันดับแรกๆสามารถทำได้สองแบบคือ
1.ซื้อโฆษณากับกูเกิ้ล ข้อดีคือเราจะได้ติดโฆษณาในอันดับแรกๆโดยทันที และได้ยอดขายที่มาก แต่ข้อเสียคือ เมื่อไหร่ที่ไม่ยิงโฆษณก็จะไม่สามารถติดอันดับแรกๆในคีเวิร์ดนั้นได้
2.การทำ SEO คือการทำเว็บไซต์ให้ดีจนสามารถติดอันดับแรกๆโดยไม่ต้องซื้อโฆษณาได้ ข้อดีคือเราจะได้จำนวนคนเข้ามาที่มหาศาลโดยไม่ต้องเสียเงินสักบาท และเว็บไซต์ของเราจะติดในอันดับดีๆเป็นระยะเวลาที่นาน ส่วนข้อเสีย SEO ใช้ระยะเวลาที่นาน อยู่ที่ 6-12 เดือนขึ้นไป ทำให้ช่วงแรกต้องใช้วิธีการลงโฆษณาไปก่อนเพื่อช่วยยอดขายให้เกิดขึ้น
สรุป
ปัจจุบันบริษัทใหญ่ต่างๆเริ่มนำเว็บไซต์เพื่อทำการตลาดมากขึ้น โดยใช้ควบคู่ไปกับการทำการตลาดบน Google และ Facebook หากเรานำกลยุทธ์เว็บไซต์มาใช้ในขณะที่คู่แข่งของเรายังใช้การขายผ่าน Facebook อย่างเดียวอยู่ จะสามารถเป็นเจ้าแห่งตลาดในไม่ช้าแน่