ทำความรู้จักเครื่องมือวิเคราะห์คีย์เวิร์ดจาก Google Ads ที่ชื่อว่า Google keyword planner?
สำหรับใครที่กำลังหาเครื่องมือที่ช่วยในการวิเคราะห์ก่อนทำ Google Ads แบบฟรีๆ เราสามารถใช้เครื่องมือของกูเกิ้ลตัวนี้มาช่วยได้ และยังคาดเดาผลลัพธ์ในอนาคตก่อนที่เราจะนำไปยิงโฆษณาได้ดีอีกด้วยครับ
Google Ads Performance Planner คืออะไร?
คือเครื่องมือที่ช่วยในการวิเคราะห์และคาดเดาคีย์เวิร์ดก่อนนำไปใช้ยิงโฆษณา ซึ่งเครื่องมือตัวนี้จะช่วยเราในการวางแผนค่าใช้จ่าย และวิเคราะห์การคลิกล่วงหน้าให้กับเรา
เริ่มต้นใช้งาน Google Ads Performance Planner
เลือกในส่วนด้านบนเมนู”เครื่องมือและการตั้งค่า” จากนั้นค้นหาเครื่องมือ “เครื่องมือวางแผนคีย์เวิร์ด” และเลือก”รับปริมาณการค้นหาและการคาดการณ์” ดังภาพด้านล่าง
จากนั้นให้เราใส่คีย์เวิร์ดที่ต้องการวิเคราะห์ และกดเริ่มต้นใช้งาน
เมื่อเราต้องการดูการวิเคราะห์ ให้เลือกในส่วนเมนูด้านซ้ายในส่วนของ “การใช้งาน”
เครื่องมือนี้ช่วยเราวิเคราะห์ในเรื่องอะไรบ้าง?
ตัวเครื่องมือ Google Ads Performance Planner จะช่วยเราวิเคราะห์ในหลายส่วน โดยการวิเคราะห์จะอ้างอิงจากจำนวนเงินต่อวันเป็นหลัก เรามาดูกันครับว่ามีวิเคราะห์ในส่วนใดบ้าง
1. การคลิก
โดยเครื่องมือนี้จะแสดงผลให้เราดูว่าจำนวน”คลิก”ในหนึ่งเดือนที่เราจะได้นั้นมีปริมาณอยู่ที่เท่าไหร่
2. การแสดงผล
การแสดงผลก็คือ โฆษณาของเรานั้นจะโชว์บนการค้นหาทั้งหมดกี่ครั้งในหนึ่งเดือน
3. ต้นทุน
ค่าโฆษณาทั้งหมดที่เราใช้ในหนึ่งเดือนนั่นก็คือ”ต้นทุน”ของเรา ใช้จำนวนเงินเท่าไหร่
4. CTR
CTR คือนำมาหารกันระหว่าง “จำนวนคลิก”หารกับ “การแสดงผล” เช่น มีคนคลิก100 คน แต่โฆษณาของเราแสดงผลไป 1,000 ครั้ง การคำนวณก็จะเป็น 100/1,000 = 10%. ดังนั้นยิ่ง CTR มีเปอร์เซ็นที่สูงมาก ก็จะยิ่งดีต่อการทำโฆษณาของเรามากตาม
5. CPC เฉลี่ย
CPC นั้นย่อมาจาก cost per click หรือค่าโฆษณาต่อการคลิกหนึ่งครั้ง ดังนั้นในหน้านี้จะแสดงผลว่าค่าโฆษณาต่อการคลิกหนึ่งครั้งนั้นอยู่ที่กี่บาท
ฟังชั่นที่ประทับใจในเครื่องมือGoogle Ads Performance Planner
อย่างแรกตอนนี้เครื่องมืออัพเดทให้มีการเพิ่มเมตริกของ “Conversion” ขึ้นมา ซึ่งช่วยในการคำนวณมาก
ยกตัวอย่างที่ 1
สมมติ Conversion หรือลูกค้าที่ผมจะได้จากการยิงโฆษณาอยู่ที่ 10%. และมูลค่าลูกค้าอยู่ที่ 3,000 บาท แปลว่าถ้าสมมติมีคนคลิก 1,000 ครั้ง เป็นลูกค้าผม 100 คน ผมจะได้กำไรจากการยิงครั้งนี้ที่ 300,000 บาท ตรงนี้เครื่องมือนี้ก็จะช่วยวิเคราะห์ให้ครับ
อย่างที่สองที่ผมชอบเป็นพิเศษคือการวิเคราะห์”จังหวัด”
สำหรับธุรกิจ Local และแฟรนไชส์สามารถใช้ประโยชน์จากการดูตรงนี้ได้มาก ยิ่งเราอยากจะเจาะกลุ่มเป้าหมายจังหวัดไหนสามารถดูการแข่งขันจากหน้าต่างนี้ได้เลยว่าจังหวัดไหนทำค่าโฆษณาแพงสุด แต่แน่นอนว่าหลักๆอันดับ 1 ไม่พ้นกรุงเทพมหานคร
สรุปการใช้เครื่องมือ
เครื่องมือนี้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ในการวิเคราะห์ และอนาคตกูเกิ้ลก็มีการอัพเดทและพัฒนาเครื่องมือนี้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งดีต่อนักยิงโฆษณา Google Ads อย่างมากเพราะเมื่อก่อนเราไม่ได้มีเครื่องมือในการวิเคราะห์คีย์เวิร์ดแบบใช้งานได้ฟรีและให้ข้อมูลที่เชิงลึกมากขึ้น ถือว่าตัวนี้มาช่วยตอบโจทย์ดีมากครับ
วันนี้หากคุณต้องการที่จะขยายธุรกิจของคุณทาง Google คุณต้องมีใครสักคนที่ช่วยคุณวางแผนตั้งแต่ต้นและเราสามารถช่วยคุณได้ ด้วยบริการรับทำ SEO จากทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านการทำ SEO
